กรรมฐานบุคคลทั่วไป
ระเบียบปฏิบัติสำหรับผู้ปฏิบัติธรรม
ของ สำนักวิปัสสนากรรมฐาน ศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน จ.ขอนแก่น
(สาขาวัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี)
ผู้ที่สมัครเข้ามาปฏิบัติธรรม ณ ศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน จังหวัดขอนแก่น (สาขาวัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี)
ควรทำความเข้าใจ ในระเบียบปฏิบัติดังนี้
๑. ผู้ปฏิบัติธรรมจะต้องแจ้งความจำนงต่อ พระครูปลัดสิทธิวรวัฒน์ (ผู้อำนวนการศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน) หรือพระวิทยากรผู้ดูแล
๒. ต้องแสดงความจำนงเป็นลายลักษณ์อักษรในใบสมัคร ซึ่งทางศูนย์ฯจัดเตรียมไว้ให้ ต้องมีบัตรประชาชน หรือใบสำคัญแสดงสัญชาติ อย่างใดอย่างหนึ่งแล้วแต่กรณี เพื่อแสดงแก่ผู้อำนวยการศูนย์ฯ หรือพระวิทยากรผู้ดูแล จนเป็นที่พอใจ
๓. จะต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบว่า จะอยู่ปฏิบัติกี่วัน โดยสามารถอยู่ปฏิบัติได้ครั้งละไม่เกิน ๗ วัน
๔. ผู้สูงอายุที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หรือเด็กที่มีอายุต่ำกว่า ๑๕ ปี ซึ่งไม่มีผู้ปกครองมาด้วย (ยกเว้นได้รับอนุญาต)
ผู้ป่วยโรคจิต โรคติดต่อ โรคที่สังคมรังเกียจ หรือมีอวัยวะไม่สมบูรณ์ และผู้ที่บวชเพื่อแก้บน ทางศูนย์ฯไม่สามารถรับไว้ปฏิบัติธรรมได้
๕. หากนักปฏิบัติธรรมยังไม่บรรลุนิติภาวะ ต้องได้รับอนุญาตจากมารดา บิดา สามี หรือผู้ปกครองเป็นลายลักษณ์อักษรในใบสมัคร
๖. สำหรับผู้ที่มาลงทะเบียน ในช่วงเช้าหรือก่อน ๑๗.๐๐ น. ควรเข้าที่พักเพื่อพักผ่อน หรือทำกิจต่าง ๆ ให้เรียบร้อยเสียก่อน เมื่อถึงเวลา
๑๗.๐๐ น. จึงเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดปฏิบัติธรรมสีขาวแบบสุภาพเรียบร้อย ไม่มีลวดลายหรือเครื่องประดับและไม่สวมใส่ลูกประคำ
เมื่อท่านแต่งชุดขาวแล้วห้ามออกไปนอกเขตภาวนา และห้ามไปรับประทานอาหาร
๗. ให้ผู้ปฏิบัติธรรมมาพร้อมกันตามสถานที่ ที่เจ้าหน้าที่ฯ แจ้งให้ทราบ ตามเวลาที่กำหนด
๘. การปฏิบัติธรรมแบ่งออกเป็น ๔ ช่วง ในแต่ละวัน ดังนี้
ช่วงแรก ๐๔.๐๐ น. - ๐๗.๐๐ น.
ช่วงที่สอง ๐๘.๐๐ น. - ๑๑.๐๐ น.
ช่วงที่สาม ๑๓.๐๐ น. - ๑๖.๐๐ น.
ช่วงที่สี่ ๑๙.๐๐ น - ๒๑.๐๐ น.
๙. ขั้นตอนการปฏิบัติ เมื่อผู้ปฏิบัติมาพร้อมกันตามเวลาในการปฏิบัติช่วงแรก ณ สถานที่ปฏิบัติแล้ว หัวหน้าจุดเทียนธูปบูชา พระรัตนตรัย
นำสวดมนต์ กราบพระประธาน แล้วจึงเริมปฏิบัติธรรม โดยการเดินจงกรมก่อน ๓๐ นาที แล้วเปลี่ยนอิริยาบถ เข้ามานั่งกรรมฐาน ๓๐ นาที
สลับกันไป จนครบเวลาปฏิบัติที่กำหนด ส่วนเวลาในการปฏิบัติ ๓๐ นาที ที่กำหนดให้นี้ ผู้ปฏิบัติอาจปรับ ให้มากหรือน้อยกว่า ๓๐ นาที
ตามความเหมาะสมของสภาวะอารมณ์
๑๐. ก่อนถึงเวลาพักทุกช่วง ผู้ปฏิบัติธรรมควรอยู่ในอิริยาบถของการนั่งกรรมฐาน ทั้งนี้เพราะเมื่อสิ้นสุดการปฏิบัติในแต่ละช่วง จะได้แผ่เมตตาต่อไปได้โดยไม่เสียสมาธิจิต
๑๑. เมื่อแผ่เมตตา (สัพเพ สัตตา.....) เสร็จแล้ว นั่งพับเพียบประนมมือ เพื่ออุทิศส่วนกุศลผลบุญในการปฏิบัติธรรมแก่มารดา บิดา ญาติพี่น้อง
เทวดา เปรต และสรรพสัตว์ทั้งหลาย (อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ.....) จากนั้นลุกขึ้นนั่งคุกเข่าสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย (อรหัง สัมมาสัม
พุทโธ ภควา....) กราบพระประธาน
ขั้นตอนในการปฏิบัติจะเป็นเช่นเดียวกันในทุกช่วง เว้นแต่การจุดเทียน ธูปบูชาพระรัตนตรัย ในช่วงที่ ๒-๓-๔ ไม่มีเพราะได้บูชาแล้วในช่วงแรก
๑๒. การให้ความรู้สำหรับผู้ปฏิบัติที่มาใหม่ พระวิทยากร หรือวิทยากรผู้ได้รับมอบหมายจะเป็นผู้ให้คำแนะนำ การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
เบื้องต้น ส่วนการทดสอบอารมณ์ตลอดจนความรู้ที่ละเอียดขึ้น ทางพระวิทยากรผู้สอน หรือวิทยากรจะเป็นผู้ให้ความรู้หลังจากปฏิบัติธรรม
๑๓. ห้ามคุย บอก หรือถามสภาวะกับผู้ปฏิบัติ เพราะจะเป็นภัย แก่ผู้ที่กำลังปฏิบัติทั้งต่อตนเองและผู้อื่น โดยจะทำให้อารมณ์ฟุ้งซ่าน
และเพ้อเจ้อ หากมีข้อสงสัยในข้อวัตรปฏิบัติอย่างไรแล้ว ให้เก็บไว้สอบถามพระวิทยากร หรือวิทยากรผู้สอน ถ้ามีความจำเป็นจริงๆ
ก็ให้พูดเบา ๆ ประกอบด้วยสติสัมปชัญญะ แต่ไม่ควรพูดนาน เพราะจะทำให้ฟุ้งซ่านทั้งผู้พูดและผู้ฟัง และทำให้การปฏิบัติไม่ก้าวหน้า
ถ้ามีเรื่องจะพูดกันนาน ต้องออกจากห้องกรรมฐานไปพูดในสถานที่อื่น ห้ามใช้ห้องปฏิบัติรับแขก
๑๔. ขณะที่ยังอยู่ในระหว่างการปฏิบัติ ห้ามอ่านหนังสือ เขียนหนังสือ เรียนหนังสือ ฟังวิทยุ ดูทีวี ตลอดจนสูบบุหรี่ เคี้ยวหมาก
๑๕. ผู้ปฏิบัติจะต้องไม่เสพเครื่องดองของมึนเมา หรือนำยาเสพติดทุกชนิดเข้ามาในบริเวณสำนักเป็นอันขาด
๑๖. ผู้ปฏิบัติต้องระลึกเสมอว่า เรามาปฏิบัติเพื่อยกระดับจิตใจ ขัดเกลากิเลสตัณหาให้เบาบางลง มิใช่มาเพื่อหาความสุข ในการอยู่ดี กินดี
จึงต้องใช้ความอดทนเป็นพิเศษต่อความไม่สะดวก และสิ่งที่กระทบกระทั่ง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องทดสอบความอดทนและคุณธรรม
ของนักปฏิบัติว่ามีอยู่มากน้อยเพียงใด
๑๗. หากผู้ปฏิบัติเกิดเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้น ให้รีบแจ้งแก่เจ้าหน้าที่โดยเร็ว เพื่อหาทางช่วยเหลือตามสมควรแก่กรณี ไม่ควรละการปฏิบัติ ในเมื่อไม่มี
ความจำเป็น
๑๘. ห้องหรือกุฏิที่จัดไว้เป็นห้องปฏิบัติ เฉพาะพระสงฆ์ก็ดี หรือห้องที่จัดไว้เฉพาะนักปฏิบัติที่เป็นบุรุษก็ดี สตรีก็ดี ห้ามมิให้เพศตรงข้ามเข้าไป
นอน หรือใช้ห้องน้ำ ห้องส้วมนั้นเด็ดขาด
๑๙. ทางฝ่ายวิปัสสนากรรมฐานฯ ได้จัดที่พักไว้โดยเฉพาะเป็นห้องๆ มีไฟฟ้า น้ำ ห้องน้ำ ห้องส้วมพร้อม ขอความร่วมมือโปรดช่วยกันรักษา
ความสะอาด และขอให้ใช้น้ำ ไฟฟ้าอย่างประหยัด ไม่ควรเปิดน้ำ ไฟฟ้าและพัดลมทิ้งไว้เมื่อไม่อยู่ในห้องพัก
๒๐. เวลาว่างตอนเช้า ตอนกลางวัน หรือตอนเย็น ผู้ปฏิบัติธรรม อาจใช้เวลาว่าง ทำความสะอาดกวาดลานภายในเขตสำนักและบริเวณที่พัก
เพื่อความสะอาดของสถานที่และเจริญสุขภาพของผู้ปฏิบัติ
๒๑. การรับประทานอาหารมี ๒ เวลา และดื่มน้ำปานะ ๑ เวลา ดังนี้
๐๗.๐๐ น. รับประทานอาหารเช้า
๑๑.๐๐ น. รับประทานอาหารกลางวัน
๑๘.๐๐ น. ดื่มน้ำปานะ
๒๒. การรับประทานอาหารและดื่มน้ำปานะทุกครั้ง ผู้ปฏิบัติธรรม ต้องมารับประทานพร้อมกันที่โรงอาหารตรงตามเวลาที่กำหนด
๒๓. เมื่อตักอาหารใส่ภาชนะแล้ว ให้เข้านั่งประจำที่ให้เป็นระเบียบ ควรนั่งให้เต็มเป็นโต๊ะ ๆ ไปก่อน โดยผู้ไปถึงก่อนต้องนั่งชิดด้านในก่อนเสมอ
เมื่อเต็มแล้วจึงเริ่มโต๊ะใหม่ต่อไป รอจนพร้อมเพรียงกันแล้วหัวหน้าจะกล่าวนำ ขออนุญาตรับประทานอาหาร
๒๔. ขณะนั่งรอและรับประทานอาหาร ผู้ปฏิบัติธรรมไม่ควรคุยกันหรือแสดงอาการใด ๆ ที่ไม่สำรวม
๒๕. เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ ให้นั่งรออยู่ที่เดิม จนทุกคนรับประทานอาหารเสร็จ ให้ประนมมือ หัวหน้าจะให้พรผู้บริจาคอาหาร(สัพพี ฯลฯ...)
ผู้ปฏิบัติธรรมสวดรับโดยพร้อมเพรียงกัน
๒๖. เมื่อเสร็จจากการรับประทานอาหาร ให้ผู้ปฏิบัติธรรมช่วยกันเก็บกวาดสถานที่ ทำความสะอาดภาชนะ จัดโต๊ะ เก้าอี้ให้เรียบร้อย
๒๗. ผู้ปฏิบัติจะต้องไม่นำของที่มีค่าติดตัวมาด้วย หากสูญหายทางสำนักจะไม่รับผิดชอบไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น
๒๘. ผู้ปฏิบัติจะต้องไม่คะนองกาย วาจา หรือส่งเสียงก่อความรำคาญ หรือพูดคุยกับบุคคลอื่นโดยไม่มีความจำเป็น ถ้ามีผู้มาเยี่ยมจะต้องได้รับ
อนุญาตจากพระวิทยากร หรือเจ้าหน้าที่เสียก่อน การเยี่ยมนั้นให้แขกคุยได้ไม่เกิน ๑๕ นาที ถ้าเป็นแขกต่างเพศ ให้ออกไปคุยข้างนอก
สถานที่ปฏิบัติธรรม
๒๙. การลา เมื่อผู้ปฏิบัติธรรม ได้ปฏิบัติครบตามกำหนดที่ได้แจ้งความจำนงไว้แล้วนั้น เจ้าหน้าที่จะได้จัดเตรียมดอกไม้ ธูป เทียน เพื่อทำพิธี
ลาศีล และขอขมาพระรัตนตรัย ให้ผู้ปฏิบัติธรรมที่จะลาศีล พร้อมกัน ณ ที่นัดหมาย ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องลากลับก่อนกำหนดนั้น
ผู้ปฏิบัติต้องแจ้งพระวิทยากร หรือวิทยากรผู้ปกครองทราบสาเหตุ และหากไม่มีความจำเป็น ไม่ควรหนีกลับไปโดยพลการ เพราะจะเป็น
ผลเสียต่อผู้ปฏิบัติ
๓๐. ถ้าผู้ปฏิบัติท่านใด ไม่ทำตามระเบียบของศูนย์ฯ ที่กำหนดไว้นี้ ทางศูนย์ฯจำเป็นต้องพิจารณาเตือนให้ทราบก่อน หากยังไม่ยอมรับฟัง
ทางศูนย์ฯ มีความเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องขอให้ออกจากศูนย์ฯ ทั้งนี้เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่บุคคลอื่น ที่จะเข้ามาปฏิบัติต่อไป
ข้อแนะนำนี้ เป็นคู่มือให้รายละเอียดในแนวทางปฏิบัติ เพื่อความเป็นระเบียบของศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน ผู้ที่มาปฏิบัติธรรมจะได้เข้าใจ สบายใจในการอยู่อาศัยและปฏิบัติธรรมกรรมฐาน ร่วมกันอย่างสงบ ในสังคมของผู้ปฏิบัติธรรมย่อมประหยัดการพูด โอกาสที่ท่านจะถามระเบียบหรือโอกาสที่จะมีผู้อธิบายแนะนำแก่ท่านมีน้อย คู่มือ ระเบียบการปฏิบัติธรรมนี้จะช่วยท่านได้อย่างดี